ประเดิมนับวันแรก เซ่นอุบัติเหตุ 37 ราย จับเมาขับ 1,936 คน

ประเดิมนับวันแรก เซ่นอุบัติเหตุ 37 ราย จับเมาขับ 1,936 คน เหนือ-อีสานยังติด

เผยคนไทยออกเดินทางช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อเยี่ยมครอบครัวและท่อง เที่ยวมากกว่าทุกปี ถนนพหลโยธินมุ่งหน้าภาคเหนือและถนนมิตรภาพเส้นทางสู่ภาคอีสาน การจราจรหนาแน่นติดขัดมากที่สุด ด้านอุบัติเหตุทางถนนวันที่ 29 ธ.ค. ที่เป็นวันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรายงานเกิดอุบัติเหตุ 349 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 351 คน เสียชีวิต 37 ราย ขับรถเร็วกับเมาแล้วขับยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ส่วนรถจักรยานยนต์ยังครองสถิติเป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด รัฐบาลเตือนผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ขายอย่าเอาเปรียบประชาชนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ ใครฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือค้ากำไรเกินควรมีโทษปรับและจำคุก 7 ปี

เข้าสู่ปีใหม่พุทธศักราช 2566 ปีกระต่ายน้อยที่เป็นปีนักษัตร “เถาะ” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ประชาชนจำนวนมากที่ไปทำงานหรือปักหลักตั้งรกรากมีครอบครัวอยู่ต่างถิ่น ยังหลั่งไหลเดินทางกลับภูมิลำเนาไปเยี่ยมญาติเยี่ยมครอบครัวหรือเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ บางส่วนไปไหว้พระตามวัดหรือสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในวันขึ้นปีใหม่

สำหรับบรรยากาศการเดินทางของประชาชนทั่วประเทศ ช่วงส่งท้ายปีเก่าก่อนถึงวันปีใหม่

ที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 29 ธ.ค. ยาวไปถึงเช้าวันที่ 30 ธ.ค. การจราจรบนถนนพหลโยธินช่วงผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา ยังมีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 50 หน้าตลาดประตูน้ำพระอินทร์ ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน ก่อนขึ้นต่างระดับบางปะอินที่แยกไปยังถนนสายเอเชียมุ่งหน้าภาคเหนือและแยกไปถนนพหลโยธินไป จ.สระบุรี มีปริมาณรถเต็มพื้นที่ทุกช่องทาง

การจราจรติดขัดเป็นแถวยาวเหยียด กอปรกับบริเวณทางต่างระดับบางปะอิน มีปริมาณรถที่มาจากถนนทางหลวงหมายเลข 9 บางปะอิน-บางบัวทองแล้วรวมกันตรงจุดนี้ยิ่งทำให้การจราจรติดขัดหนักขึ้นไปอีก ส่วนใหญ่พบมีปัญหาชะลอตัวเนื่องจากมีรถเลี้ยวเข้าออกปั๊มน้ำมันและจุดพักรถต่างๆ

ประเดิมนับวันแรก เซ่นอุบัติเหตุ 37 ราย จับเมาขับ 1,936 คน

ขณะที่ถนนพหลโยธินตั้งแต่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณรถหนาแน่นมาก สภาพจราจรฝั่งขาเข้าตัวเมืองสระบุรี ตำรวจต้องเปิดช่องทางพิเศษ 1 ช่องทาง บริเวณ กม.106 จนถึงช่วงเข้าตัวเมืองสระบุรี มีการเปิดช่องทางด่วนใต้สะพานมิตรภาพ ระบายรถขาเข้าสู่ถนนมิตรภาพที่ไปภาคอีสาน

เนื่องจากมีปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น ตำรวจทางหลวงประจำจุดทับกวางและเจ้าหน้าที่แขวงการทาง จ.สระบุรี ได้เปิดช่องทางด่วนที่ กม.17—ต.ทับกวาง อ.แก่งคอยจนถึง กม.43 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระบายจราจรไม่ให้รถติดสะสม รถบางคันขับข้ามวันข้ามคืน

ที่อ่างเก็บน้ำลำตะคอง ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว รถเคลื่อนตัวได้ช้าสลับหยุดนิ่งช่วงผ่านจุดพักรถสวนน้าเรื่อยมาจนถึง ต.ลาดบัวขาว ช่วงขึ้นเนินลงเนิน ทางต่างระดับอำเภอสีคิ้วที่เป็นจุดทางแยกไป จ.ชัยภูมิ กับแยกไปเส้นสีคิ้ว-เดชอุดม มุ่งหน้าไป จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จนถึงทางต่างระดับสามแยกปักมุ่งหน้าไป จ.ขอนแก่น มีรถมาก ช่วงสะพานข้ามแยก ต.จอหอ ระยะทาง 6-7 กม.มีรถติดขัดตั้งแต่หน้าศูนย์ไปรษณีย์นครราชสีมา ยาวไปถึงสามแยกบ้านดอนชมพู อ.โนนสูง ระยะทางกว่า 15 กม.เนื่องจากมีทางแยกสัญญาณไฟจราจรในเขตชุมชน

เช่น แยกบ้านโพธิ์ อ.เมืองนครราชสีมา แยกบ้านดอนชมพู อ.โนนสูง แยกตลาดแค อ.โนนสูง แยก อ.คง แยกบ้านโนนตาเถร แยก อ.สีดาและแยก อ.บัวลาย มีรถติดสะสมยาวหลาย กม. ก่อนมุ่งหน้าเข้าเขตเมืองพล จ.ขอนแก่น

ที่ จ.อุบลราชธานี การจราจรบนทางหลวงสายเลี่ยงเมือง 321

ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก ของ อ.เมืองอุบลราชธานี และ อ.วารินชำราบ มีรถ ทั้งของแรงงานที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศตามทางหลวงหมายเลข 24 มาเยี่ยมครอบครัวในวันขึ้นปีใหม่และรถของนักท่องเที่ยวจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงแยกไปยังทางหลวงหมาย 217 มุ่งหน้าไปด่านพรมแดนไทย-ลาวช่องเม็ก ข้ามไปยัง สปป.ลาวและไปยังอุทยานแห่งชาติผาแต้มที่จะมีการจัดงานรับตะวันแสงแรกระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.ถึงวันที่ 1 ม.ค. ทำให้มีปริมาณรถหนาแน่นกว่าปกติ

ที่ท่าเทียบเรือโดยสารด่านศุลกากรบึงกาฬ บ้านพันลำ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ บรรยากาศเริ่มคึกคักมีชาวไทยและชาวลาวเดินทางกลับบ้าน เพื่อเยี่ยมญาติพี่น้องร่วมฉลองวันขึ้นปีใหม่ นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวชาวลาวเดินทางมาเที่ยวฝั่งไทย ขากลับซื้อสิ่งเครื่องใช้สารพัดชนิดติดไม้ติดมือไปบ้าน ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยคึกคักกว่าทุกวัน

ในส่วนเส้นทางถนนพหลโยธินหมายเลข 1 ถนนทางหลวงหมายเลข 117 ถนนเลี่ยงเมืองหมายเลข 122 มีปริมาณรถที่มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ ผ่านตัวจังหวัดนครสวรรค์ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณเชิงสะพานเดชาติวงศ์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ แต่รถยังคงเคลื่อนตัวไปด้วยดีและในช่วงบ่ายของวันที่ 30 ธ.ค. มีปริมาณรถที่มาจากกรุงเทพฯ ผ่านนครสวรรค์มุ่งหน้าขึ้นสู่ภาคเหนืออีกหลายเท่าตัว

 

ที่ท่าเทียบเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาลงเรือไปเที่ยวพักผ่อนตามเกาะแก่งต่างๆของ จ.สตูล ทั้งเกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง ราวี เกาะหินงาม ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ทำให้บรรยากาศ ที่ท่าเทียบเรือปากบาราคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย โดยได้ตรวจเรือก่อนออกทะเลทุกลำ ย้ำให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัย โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางลงเกาะหลีเป๊ะมีไม่ต่ำกว่า 1,000 คน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลขอความร่วมมือผู้ประกอบการอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลแห่งความสุขปีใหม่ ช่วงเวลาที่ประชาชน เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน ที่คาดว่าจะมีการใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการจำนวนมาก ขอให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หากตรวจสอบพบจะมีความผิด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท กรณีฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือค้ากำไรเกินสมควร โทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนพบว่าผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าให้แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง

ในส่วนของสถิติอุบัติเหตุทางถนนวันที่ 29 ธ.ค. วันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานเกิดอุบัติเหตุ 349 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 351 คน ผู้เสียชีวิต 37 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ถนนกรมทางหลวง ช่วงเวลาที่เกิด อุบัติเหตุสูงสุด คือเวลา 18.01-19.00 น. ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,887 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 55,910 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 370,561 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี 65,530 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 20,920 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 18,250 ราย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 6,315 ราย ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด 5,391 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ลำพูน (13 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (14 คน) ประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ แจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางออกของประชาชนปีนี้มากขึ้น จากสถิติปริมาณการเดินทางของกรมทางหลวงและตำรวจทางหลวงพบว่า มีปริมาณรถออกจาก กทม. ถึง 649,871 คัน มากกว่าปีใหม่ 2565 โดยเฉพาะถนนพหลโยธิน ถนนมิตรภาพมีการจราจรหนาแน่นที่สุด ส่วนการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ ช่วงปากช่อง-ขามทะเลสอ (M6) มีรถใช้มอเตอร์เวย์ 48,921 คัน ทำให้ช่วยการจราจรถนนมิตรภาพได้เป็นอย่างดีและ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการเน้นย้ำให้ตำรวจทางหลวงและตำรวจท้องที่ ช่วยกันดูแลอำนวยการจราจรอย่างเต็มที่ สถิติการจับกุม 10 ข้อหาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 29 ธ.ค. จับกุม 64,223 ราย โดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับจับกุม 1,936 ราย ขับรถเร็ว 27,756 ราย สอบถามสภาพการจราจร เส้นทางเลี่ยง ขอความช่วยเหลือติดต่อ 191, 1599 หรือตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชม.

ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th


ติดตามข่าวสารได้ที่ have-a-look.net