แนะเพิ่มค่าอาหารกลางวันผกผัน อัดฉีด ‘ร.ร.เล็ก’ มากกว่าขนาดใหญ่ เหตุ น.ร.น้อย บริหารค่ากับข้าวลำบาก
แนะเพิ่มค่าอาหารกลางวันผกผัน อัดฉีดงบอุดหนุน ‘ร.ร.เล็ก’ มากกว่าขนาดใหญ่ เหตุนักเรียนน้อย บริหารค่ากับข้าวลำบาก
รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างคำนวณอัตราเงินอุดหนุนในโครงการอาหารกลางวันของนักเรียนใหม่ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น
แม้ในปี 2564 ครม.จะมีมติปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันของนักเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1-ป.6 เป็น 21 บาท/คน/วัน แต่อัตราดังกล่าว
ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้โรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อยได้รับ
ผลกระทบมาก มองว่าเมื่อ ศธ.คิดปรับเพิ่มเงินอุดหนุนอาหารกลางวันใหม่ควรจะพิจารณาอย่างรอบคอบ เปลี่ยนหลักการให้เงิน
อุดหนุนรายหัวใหม่ เพราะที่ผ่านมาปรับเพิ่มในรูปแบบทุกคนได้เงินอุดหนุนเท่ากันหมด ทำให้โรงเรียนขนาดเล็กได้รับผลกระทบ
อย่างมาก เพราะเมื่อมีจำนวนเด็กน้อยก็จะได้รับเงินอุดหนุนน้อย ขณะที่โรงเรียนขนาดใหญ่มีจำนวนนักเรียนมาก จะได้รับเงิน
อุดหนุนมากตามไปด้วย ซึ่งบางโรงเรียนใช้เงินอุดหนุนอาหารกลางวันไปพัฒนาโรงเรียนด้านอื่นๆ ได้
รศ.ดร.เอกชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ศธ.ควรเปลี่ยนหลักคิดในการจ่ายเงินอุดหนุนรายหัวใหม่ให้เป็นการจ่ายในลักษณะผกผัน คือดูจาก
จำนวนนักเรียน ให้โรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยได้รับเงินอุดหนุนรายหัวที่มาก ในขณะที่โรงเรียนที่มีนักเรียนมากได้รับเงินอุดหนุนใน
อัตราที่ผกผันลดหลั่นกันไป เช่น โรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำกว่า 300 คน ควรได้รับเงินอุดหนุน 25 บาท/คน/วัน ส่วนโรงเรียนที่มีนักเรียน
500 คนขึ้นไป ควรได้รับเงินอุดหนุน 22 บาท/คน/วัน เป็นต้น ซึ่งการคิดในลักษณะผกผันนี้จะทำให้รัฐจ่ายเงินเท่าเดิม และทำให้
โรงเรียนขนาดเล็กได้รับงบประมาณที่เพียงพอ สามารถจัดอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ ถูกหลักโภชนาการให้กับนักเรียนได้
“อีกวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาอาหารกลางวันในโรงเรียนขนาดเล็ก
คือให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยให้คนในชุมชนเข้ามาทำอาหารส่งโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ จะทำให้เด็กได้รับอาหารกลางวัน
อย่างเพียงพอ เพราะแชร์ทรัพยากรร่วมกัน โรงเรียนไม่ต้องดูแลเอง และทำให้ชุมชนมีรายได้ด้วย หากกังวลเรื่องหลักโภชนาการ
อาจให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) มาดูแลคุณภาพและคุมโภชนาการ” รศ.ดร.เอกชัยกล่าว
ว่าที่ ร.ท.สุเวศ กลับศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครศรีธรรมราช เขต 4 กล่าวว่า เป็นเรื่องดี
ที่ผ่านมาโรงเรียนได้รับเงินอุดหนุนอาหารกลางวัน 21 บาท/คน/วัน โรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีจำนวนเด็กมากสามารถบริหารจัดการ
ในส่วนนี้ได้ แต่โรงเรียนขนาดเล็กที่มีเด็ก 20-30 คน อาจได้รับความลำบากในการบริหารจัดการบ้าง ทั้งนี้ ขอบคุณ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ที่เห็นความสำคัญเรื่องนี้ เชื่อว่า
ถ้าเด็กได้รับอาหารที่ดี ถูกหลักโภชนาการ จะทำให้ร่างการสมบูรณ์ มีสติปัญญาที่ดี ส่งผลต่อการเรียนรู้
“ควรเพิ่มอย่างน้อย 30 บาท/คน/วัน เพราะปัจจุบันราคาสินค้าสูงอย่างมาก บางโรงเรียนสะท้อนว่าการจัดอาหารที่ต้องมีกับข้าว 2
อย่าง ยังบริหารจัดการลำบาก โรงเรียนต้องหาผู้มีจิตศรัทธาเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้โรงเรียนสามารถจัดอาหารให้
นักเรียนได้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ” ว่าที่ ร.ท.สุเวศกล่าว
ว่าที่ ร.ต.ทวีศักดิ์ นามศรี ผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 กล่าวว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะเพิ่มเงินอุดหนุนอาหารกลางวันให้นักเรียน
เพราะช่วงที่ดีที่สุดของการพัฒนาของเด็กคือตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญเด็กวัยนี้ในทุกด้าน จึงอยากให้รัฐบาล
ช่วยสนับสนุนเด็กกลุ่มนี้ให้มากที่สุด เพราะถือว่าเป็นวัยทองในการพัฒนา เรียนรู้ และหลอมรวมด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ
และสติปัญญา พร้อมที่จะเข้าเรียนในระดับชั้นต่อๆ ไป
“ขอบคุณรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ที่เห็นความสำคัญและผลักดันเรื่องนี้ ถ้าโรงเรียนทุกโรงเรียนได้รับค่าอาหารกลางวันอย่างเท่าเทียมกัน
จะทำให้เด็กได้รับการโภชนาการที่ดี ทำให้สมองดี พร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา ส่วนควรจะเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนเป็นเท่าไหร่นั้นมองว่าจะ
เพิ่มเท่าไหร่ก็ได้ แต่ขอให้เพียงพอและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน” ว่าที่ ร.ต.ทวีศักดิ์กล่าว