รมช.พาณิชย์ เผย RCEP เพิ่มโอกาสธุรกิจบริการ ดึงดูดการลงทุน ช่วยฟื้นเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด

เศรษฐกิจ

“สินิตย์” มั่นใจ ความตกลง RCEP เพิ่มโอกาสขยายส่งออกสินค้าและบริการ ดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ
เกิดการจ้างงาน ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคจากวิกฤตโควิด คาด!การลงทุนใน RCEP จะเพิ่มขึ้น
ทั้งก่อสร้าง สุขภาพ ค้าปลีก การวิจัยและพัฒนา บริการสิ่งแวดล้อม แนะศึกษากฎระเบียบ พฤติกรรมผู้บริโภค
ช่องทางจำหน่ายทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์

6 มกราคม 2565 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา
ส่งผลให้ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิก RCEP ได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งจากการช่วยลดต้นทุนการผลิต
และโอกาสส่งออกสินค้าและบริการ รวมทั้งดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ เพิ่มการจ้างงานให้กับแรงงานที่มีฝีมือ
และบุคลากรด้านวิชาชีพ และส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะห่วงโซ่การผลิตที่สำคัญของภูมิภาค

รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในภาคบริการอย่างมาก
อาทิ การท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และการบิน ซึ่งความตกลง RCEP เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย
และประเทศในภูมิภาค โดยการเปิดตลาดภาคบริการของประเทศสมาชิกจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุน
ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ ก่อสร้าง ธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านสุขภาพ ภาพยนตร์และบันเทิง ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพ/เสียง
การผลิตแอนิเมชัน และค้าปลีก รวมทั้งยังช่วยสร้างโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าไปทำงานในประเทศสมาชิก RCEP อีกด้วย

นอกจากนี้ การลดหรือยกเลิกกฎระเบียบและมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน จะช่วยดึงดูดการลงทุนในสาขา
ที่ไทยมีความต้องการและเกิดเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การวิจัยและพัฒนา บริการสิ่งแวดล้อม การศึกษา
ซ่อมบำรุงชิ้นส่วนอากาศยาน/เรือขนาดใหญ่/อุปกรณ์ขนส่งทางราง และการผลิตหุ่นยนต์ เพื่อเป็นพื้นฐานการพัฒนา
อุตสาหกรรมและการสนับสนุนห่วงโซ่การผลิตในประเทศ ตลอดจนการต่อยอดอุตสาหกรรมเป้าหมาย S curve ซึ่งจีน
เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่มีการลงทุนในอาเซียนสูง และนักลงทุนไทยก็เข้าไปลงทุน
ในอาเซียนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ ภูมิภาค RCEP ถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญและเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ถึงแม้ว่าทั่วโลก
จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่สำหรับการลงทุนในภูมิภาค RCEP ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
ซึ่งในปี 2563 ได้รับเม็ดเงินลงทุน (FDI Inflow) มูลค่า 329,054 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 1 ใน 3
ของเม็ดเงินลงทุนของโลก โดยหลังจากนี้ความตกลง RCEP จะทำให้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากห่วงโซ่การผลิต
ในภูมิภาคขยายตัวและแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการอำนวยความสะดวกและการลดอุปสรรคทางการค้า
รวมทั้งส่งเสริมการใช้วัตถุดิบภายในภูมิภาค ทำให้เกิดการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและกิจการ
ภาคบริการต่อเนื่องเพิ่มมากขึ้น

“ขอให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร หรือผู้สนใจทำการค้าในตลาด RCEP เร่งใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ
ทำความเข้าใจกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศสมาชิก และศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค
ตลอดจนช่องทางการจำหน่ายทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้าในตลาด RCEP
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” รมช.พาณิชย์ เสริม

เวียดนาม
เศรษฐกิจ

เวียดนาม ชู ‘สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์’ ผู้บริหาร CPF สร้างความมั่นคงอาหาร

“สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์” ผู้บริหารซีพีเอฟ ร่วมสร้างค […]

อ่านต่อ ...
ครม.
เศรษฐกิจ

ครม. หั่นโควต้านำเข้าอาหารสัตว์ เหลือ1ปี ข้าวโพด-กากถั่วเหลือง-ปลาป่น

ครม. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เปิดโควตาการนำเข้าวัตถุดิบ […]

อ่านต่อ ...
พีระพันธุ์
เศรษฐกิจ

พีระพันธุ์ รื้อสัญญาซื้อขายก๊าซ ปตท. ย้อนหลังหวังได้เงินอุ้มค่าไฟเพิ่ม

พีระพันธุ์ ได้ทำการสั่งสำนักงาน “กกพ.” เพื่ […]

อ่านต่อ ...