
“น้องจิบ” จุฑารัตน์ บุตรดี ภรรยา “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา ออกมาเผย ภูมิใจในตัวพี่สดที่สุด
ถึงแม้จะไปไม่ถึงฝันพลาดเหรียญรางวัลโอลิมปิกเกมส์ 2020 มองไฟต์ที่แพ้คิวบา ต่อยดีสุดในทัวร์นาเมนต์นี้
ระบุหลังลงจากเวที เจ้าตัวโทรปลอบใจลูกสาวหลังพ่าย ชี้หลังจากนี้จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
เริ่มต้นนับหนึ่งใช้ชีวิตครอบครัว หลังตั้งแต่คบกันมา 19 ปี มีโอกาสได้ใช้ชีวิตครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า
พ่อ แม่ ลูก แค่ 2 หนคือช่วงหลังคลอดลูกสาวคนแรกและโควิด-19 ระบาดรอบแรก
“น้องจิบ” จุฑารัตน์ บุตรดี ภรรยาของ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ออกมาเปิดใจถึงผลการแข่งขันในเกมที่ “สด”
พ่ายแพ้ให้กับนักชกจากคิวบา 2-3 เสียง ตกรอบ 8 คนสุดท้ายมวยสากลโอลิมปิกเกมส์ 2020 พร้อมกับชวดเหรียญทองแดง
ในรุ่น 57 กก.ไปอย่างน่าเสียดายว่า ในความรู้สึกส่วนตัว มองว่า “ไฟต์ดังกล่าวที่แพ้ พี่สดชกได้ดีกว่าวันที่ชนะมาใน 2 ไฟต์แรกด้วย
ส่วนที่แพ้มองว่าเราอาจจะไปเสียทรงมวยในช่วงปลายยก 3 นิดหน่อย แต่เชื่อว่าเกมน่าจะดีกว่านี้ ถ้าเรานำหลังจบยกแรก
ซึ่งพอเราตาม เราเลยต้องเปลี่ยนเกมเดินหน้า
“ไฟต์ดังกล่าวเป็นเกมที่ค่อนข้างสูสี จริงๆผลชนะมันออกใครก็ได้ แต่ถึงจะแพ้ ไม่เป็นไรค่ะ ยังภูมิใจในความเป็นเขา
ส่วนความผิดหวัง แน่นอนมันมีอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่เขาหวัง ที่เราหวัง และครอบครัวหวัง คืออยากไปให้ถึงที่สุด
เข้าไปคว้าเหรียญให้ได้ เราเองไม่ได้หวังถึงเหรียญทอง เพราะมันยาก ซึ่งถ้าหากได้ชื่นชมสักเหรียญ คงจะนอนตายตาหลับ”
ภรรยาของเจ้าสดยังเผยอีกว่า ภายหลังการชกจบลง “สด” ได้โทรมาคุยกับตน ซึ่งคำถามแรกที่เขาถามคือถามถึงลูกสาวน้องเขม
โดยถามว่า “ลูกเป็นยังไงบ้าง” ซึ่งตนตอบกลับไปว่าลูกร้องไห้ เพราะเห็นพ่อแพ้ในการชก ซึ่งเขาเองก็เสียใจเช่นกัน
ที่ไม่สามารถทำให้ลูกได้ยิ้ม หรือถ้าร้องไห้ควรจะเป็นน้ำตาแห่งความยินดีไม่ใช่น้ำตาแห่ความเสียใจ ส่วนตนก็จุกพูดไม่ออกเหมือนกัน
“น้องจิบ” ยังเผยอีกว่า อย่างที่เรารู้กันว่าการที่นักกีฬาคนหนึ่งได้เหรียญ เหมือนถูกหวย หรือพลิกชีวิตของคนคนนั้นไปเลย
ซึ่งพอ “พี่สด” ทำไม่ได้เราก็ยอมรับว่าเสียดาย แต่ไม่เป็นไรเพราะชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อ หลังจากนี้พี่สดกลับมารอกักตัวอีก 14 วัน
น่าจะได้พบหน้ากันช่วงปลายเดือนสิงหาคม คงมาคุยกันว่าหลังเลิกชกจะทำอะไรกันต่อบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือกลับมาพักให้หายเหนื่อย
แล้วทำหน้าที่คุณพ่อเต็มตัวอีกครั้ง ส่วนหลังจากนั้นพี่เขา อาจจะไปทำงานโค้ชช่วยงานสมาคมหรือราชการต่อ
ซึ่งอนาคตมีแผนจะทำธุรกิจด้วย
“ถ้าสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น โรงเรียนเปิดให้กลับไปเรียนได้ปกติ พี่เขาอาสาจะทำหน้าที่ไปรับไปส่ง “น้องเขม” เอง
ตอนนี้น้องเรียนอยู่ชั้น ป.3 ที่โรงเรียนสวัสดีวิทยา แถวสุขุมวิท 31 เป็นโรงเรียนที่พี่เขาเคยเรียนเมื่อตอนป.6
ส่วนการใช้ชีวิตหลังจากนี้ อาจต้องมีปรับตัวกันบ้าง เพราะตั้งแต่คบกันเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ตอนที่เขาเป็นนักมวยแล้ว
เราเองแทบไม่ได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบพร้อมหน้าครอบครัวเลย มีน้อยใจอยู่บ้าง แต่เข้าใจในตัวเขา
มีอยู่ด้วยกันนานสุดน่า 2 หน คือ ช่วงหลังคลอดลูกคนแรก น้องเขม แต่ไม่เกิน 4 เดือน กับช่วงโควิด-19
ระบาดในไทยรอบแรก ราวๆ 3 เดือน หลังจากนั้นเขาไปๆ มาๆ หรือนานจะได้กลับมาอยู่ที่บ้านบ้างเมื่อสมาคมอนุญาตให้ได้กลับ”