Bridge to Terabithia สะพานมหัศจรรย์ มิตรภาพสร้างโลก

วรรณกรรมเยาวชนอมตะ Bridge to Terabithia สะพานมหัศจรรย์ มิตรภาพสร้างโลก

Bridge to Terabithia สะพานมหัศจรรย์ มิตรภาพสร้างโลก เป็นผลงานจากทีมผู้สร้างหนังดังขวัญใจเด็ก อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนอมตะเจ้าของรางวัล Newbery กับเรื่องราวมหัศจรรย์แห่งการผจญภัย มิตรภาพ ความกล้าหาญ ความสูญเสีย และการเดินทางสู่จินตนาการ

“เจซ แอรอนส์” เด็กชายที่เข้ากับใครไม่ได้ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน เขาใช้เวลาตลอดหน้าร้อนซ้อมวิ่งเพื่อจะได้เป็นนักเรียนที่วิ่งเร็วที่สุดในห้อง แต่ความหวังเขากลับพังทลายลงเพราะนักเรียนหญิงคนใหม่ “เลสลี่ เบิร์ก” ที่วิ่งเร็วกว่าเด็กผู้ชายทุกคน แม้จะไม่ถูกชะตากันในตอนแรก แต่ไม่นานทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนรักกัน

เลสลี่ชอบเล่าเรื่องราวมหัศจรรย์ ส่วนเจซชอบวาดรูป ซึ่งเขาไม่เคยบอกใครกระทั่งได้พบเธอ เลสลี่เปิดโลกแห่งจินตนาการให้เจซ พวกเขาร่วมกันสร้าง “ทีราบิเตีย” อาณาจักรลับสุดมหัศจรรย์ที่ทั้งคู่เดินทางเข้าไปโดยการโหนเถาวัลย์ข้ามแม่น้ำใกล้บ้าน ที่นั่นพวกเขาตั้งตนเป็นผู้ครองดินแดน ต่อสู้กับจอมวายร้ายและสมุน และช่วยกันวางแผนรับมือพวกชอบรังแกที่โรงเรียน มิตรภาพที่มีต่อ “เลสลี่” ทำให้ “เจซ” เปลี่ยนไปตลอดกาล

เนรมิตภาพสิ่งมีชีวิตอัศจรรย์ ปราสาทโอ่อ่าและป่างดงาม โดยทีมวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ Weta Digital เจ้าของรางวัลออสการ์จาก เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง และคิงคอง

ในปี 1976 แคทเธอรีน เพเทอร์สัน นักเขียนมากพรสวรรค์เจ้าของรางวัลมากมายได้แรงบันดาลใจจากการตายของเพื่อนลูกชายตัวน้อย จึงเขียนวรรณกรรมเยาวชนเรื่องบริดจ์ ทู ทีราบิเตีย ขึ้นเพื่อปลอบใจเขา เริ่มแรกเธอตั้งใจจะเขียนนิทานแฟนตาซีสำหรับเด็ก

แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นเรื่องราวดินแดนมหัศจรรย์ที่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดมากมาย กับเรื่องราวมหากาพย์สงครามระหว่างความดีและความชั่ว หนังสือตีพิมพ์ในปี 1977 และได้รับรางวัล Newbery Medal เมื่อปี 1978

บริดจ์ ทู ทีราบิเตีย เป็นที่รักของนักอ่านรุ่นเยาว์ทุกคน และกลายเป็นหนังสือนอกเวลาของหลายโรงเรียน ทั้งยังเป็นหนังสือประจำบ้านของหลายครอบครัวทั่วโลก

อาณาจักรทีราบิเตียในหนังมีชื่อละม้ายคล้ายชื่อเกาะ “ทีราบินเทีย” ในอาณาจักรนาร์เนีย และปรากฏอยู่ในหนังสือหลายเล่มของ C.S. Lewis ผู้แต่ง Chronicles of Narnia ไม่ว่าจะเป็นใน Prince Caspian และ Voyage of the Dawn Treader ตัววรรณกรรมเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุค 70 แต่ในภาพยนตร์ทีมผู้สร้างดัดแปลงให้เรื่องราวเกิดขึ้นในยุคปัจจุบันด้วยรูปแบบร่วมสมัย

โดย จอช ฮัทเชอร์สัน ที่เคยมีผลงาน Zathura และ The Polar Express รับบทเป็น เจซ แอรอน หนุ่มน้อยวัย 11 ขวบ ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นแชมป์วิ่งแข่ง แต่ต้องผิดหวังเมื่อนักเรียนหญิงคนใหม่วิ่งชนะเด็กผู้ชายทุกคนในห้อง ซึ่งรับบทโดย “แอนนา โซเฟีย ร็อบบ์” จากหนัง “Charlie and the Chocolate Factory”

บริดจ์ ทู ทีราบิเตีย จัดเป็นภาพยนตร์ 2 มิติแต่มีงานคอมพิวเตอร์แอนิเมชั่น 3 มิติทับซ้อนอยู่ ถ่ายทำในโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ทั้งหมด นอกจากนั้นทีมงานยังได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เข้าไปถ่ายทำในนิทรรศการผลงานของลีโอนาร์โด ดา วินชี ที่พิพิธภัณฑ์โอ๊คแลนด์ เมมโมเรียลด้วย

นอกจากเป็นหนังเด็กและขายความตื่นตาตื่นใจในส่วนสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็กต์ หนังยังสอดแทรกสาระของครอบครัว เมื่อตัวละคร “เลสลี่” และ “เจซ” คือเด็กที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน ปัญหาส่วนตัวของพวกเขาต่างกัน จริงอยู่ที่พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเอาใจใส่อย่างที่โหยหา เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงสร้างโลกของตนเองขึ้นและกลายเป็นเพื่อนรักกัน

หนังให้มุมมองที่เด็กๆ ทุกคนสัมผัสได้ไม่ยากนัก ในขณะที่ผู้ใหญ่นอกจากจะได้รื้อฟื้นจินตนาการกันแล้ว… ความรู้สึกในวัยเยาว์ที่หลงลืมกันไปอาจหวนคืนกลับมาให้เข้าใจโลกของเด็ก…อีกครั้ง

ที่มา : MThai

รีวิวหนัง โหด มัน ฮา แบบไม่เหมือนใคร เอาใจคนชอบบทสรุปของหนังไทย หนังเทศ หนังชนโรง หนังออนไลน์ ไปจนถึงหนังฮิต ติดลมบน ของ Netflix  ติดตามอ่านทั้งหมด ได้ที่  have-a-look.net