สาว สาว สาว ปฏิบัติการล่าฝัน Dreamgirls ชีวิตรุ่งเรืองและตกต่ำของ 3 สาว
Dreamgirls ก็สร้างกระแสฮือฮาไม่น้อย เมื่อลงโรงฉาย ทั้งยังกวาดรายได้เป็นกอบเป็นกำ ในเวทีลูกโลกทองคำนั้น Dreamgirls คว้าเอารางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงหรือตลก) มาครองได้สำเร็จ แถมตอนนี้ยังรอลุ้นออสการ์ 8 สาขารางวัล นับเป็นภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลมากที่สุดของปีนี้ แม้จะไม่ได้ชิง 2 สาขารางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม … ก็เถอะ
Dreamgirls นำเสนอเรื่องราวของเดอะ ดรีมเมตส์ (ว่ากันว่า ภาพของเดอะ ดรีมเมตส์นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เดอะ สุพรีมส์) คณะนักร้องหญิงมีความสามารถจากดีทรอยต์ ในช่วงทศวรรษ 1960 พวกเธอมีความฝันที่จะก้าวเดินจากมือสมัครเล่นไปเป็นดาวเด่น
เพื่อบรรลุถึงความฝัน สาว สาว สาว ต้องแลกกับหลายอย่าง รวมทั้งความเจ็บปวดในวันเวลาที่วงการดนตรีอเมริกันเดินทางมาถึงช่วงที่คนผิวสีกำลังพยายามให้ตัวเองและผลงานเป็นที่ยอมรับในหมู่คนผิวขาว ธุรกิจดนตรีนั้นก็ได้สร้างศิลปินให้ศิลปินกลายเป็นสินค้าอย่างหนึ่ง
นี่เองทำให้ แอฟฟี (เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน) นักร้องนำหัวรั้นและเปี่ยมความสามารถ ก็ต้องถูกปลดจากการเป็นนักร้องนำเพื่อให้ ดีนา (บียอนเซ โนลส์) สาวสวยที่มีความสามารถทางด้านการร้องเพลงเป็นรองขยับขึ้นมาแทนที่ ไม่เพียงเท่านั้น ดีนา ยังคว้าตัวและหัวใจของผู้จัดการวง เคอร์ติส เทย์เลอร์ จูเนียร์ (เจมี ฟ็อกซ์) จากแอฟฟีไปครองอีก
เอ็ดดี เมอร์ฟีย์ ปรากฏตัวบนจอด้วยบทของ เจมส์ ธันเดอร์ เออร์ลี นักร้องอาร์แอนด์บีขี้ยาและเจ้าชู้ ผู้กำลังอยู่ระหว่างการไขว่คว้าความสำเร็จในระดับเมนสตรีม (เอ็ดดีมีสไตล์ที่ทำให้นึกถึง เจมส์ บราวน์ เหลือเกิน) นี่นับเป็นบทดีๆ ที่ทำให้นักดูหนังต้องหันมามอง เอ็ดดี ซะใหม่ เขาไม่ใช่แค่ดาราตลกไร้สาระเช่นที่เห็นในภาพยนตร์บางเรื่องเท่านั้น
สาว บียอนเซ นั้นก็หรี่แสงความเปล่งประกายในตัวเองลงเพื่อที่จะมาเล่นบท ดีนา กระทั่งในช่วงท้ายๆ ของเรื่องนั่นล่ะเธอจึงกลับมาเจิดจรัส ขณะที่ แอนิกา โนนิ โรส ก็โดดเด่นกับการแสดงเป็น ลอร์เรลล์ – ดรีมเกิร์ลคนที่ 3 ซึ่งแสนขี้อาย ทว่ามีความปรารถนาอันแรงกล้า คีธ โรบินสัน ในบทพี่ชายนักแต่งเพลงของ แอฟฟี นั้นก็น่าชื่นชม
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้คงจืดไปสนิทถ้าหากไม่มี เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน ผู้แข่งขันอเมริกันไอดอลปี 2002 กับการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในบทของสาวแรงและมั่นใจในตัวเองอย่าง แอฟฟี ไวต์ ด้วยพลังเสียงที่มีอยู่ล้นเหลือ เจนนิเฟอร์ นำเสนออารมณ์ออกมาทางบทเพลงได้อย่างลึกซึ้งกินใจ จนคนดูอยากจะลุกขึ้นยืนปรบมือให้
สำหรับดนตรีที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นทั้ง อาร์แอนด์บี โซล และ ป๊อป ที่ราวกับหยิบยืมงานจากทศวรรษ 1960-1970 มาใส่ในหนัง หลายเพลงนั้นน่าฟังและเหมาะกับภาพยนตร์ไม่น้อย แต่ก็มีบางเพลงในบางช่วงที่ตั้งใจจะให้ย้อนยุคมากไปหน่อย
เรื่องของดนตรีนั้นเป็นหนึ่งในรายละเอียดที่ทำให้เรารู้สึกว่า Dreamgirls ของบิล คอนดอน ในบางตอนนั้นประดิษฐ์ประดอยมากเกินไปสักหน่อย และถ้าจะพูดถึงรายละเอียดในส่วนอื่นๆ อย่างเช่นคอสตูม (ทั้งในสไตล์ของโมทาวน์ เรื่อยมาจนถึงยุคดิสโก้) ก็ทำให้คนดูตื่นตาพอๆ กันกับลีลาการถ่ายภาพ
หลังจากโลดแล่นมีชีวิตชีวาอยู่บนเวทีบรอดเวย์มานานถึง 25 ปี ละครเพลงระดับรางวัลโทนีเรื่องนี้ก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ Dreamgirls จะพาคนดูย้อนกลับไปสู่ช่วงต้นทศวรรษ 1960 ถึงกลางทศวรรษ 1970 เพื่อติดตามไปชมชีวิตรุ่งเรืองและตกต่ำของ 3 สาว เดอะ ดรีมเมตส์
ผลงานการกำกับของ บิล คอนดอน ซึ่งเป็นที่รู้จักจากงานดรามา/ไบโอกราฟีอย่าง Kinsey (ปี 2004) และ Gods and Monsters (ปี 1998) ครั้งนี้เขาขอมาทดลองฝีมือกับภาพยนตร์เพลงดูบ้าง บิล นำดาราดังระดับตุ๊กตาทองอย่าง เจมี ฟ็อกซ์ และ เอ็ดดี เมอร์ฟีย์ มารับบทนำ ทั้งยังดึงนักร้องอาร์แอนด์บีดีกรีรางวัลแกรมมี่คนสวย บียอนเซ โนลส์ มาอวดความสามารถทางด้านการแสดง สมทบด้วย แดนนี โกลเวอร์ อนิกา โนนิ โรส คีธ โรบินสัน และสาวหน้า (ค่อนข้าง) ใหม่อย่าง เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน
นอกจากนั้น Dreamgirls ยังทำให้เราได้ตระหนักถึงคุณค่าและพลังแห่งความฝัน … โดยเฉพาะความฝันที่สามารถกลายเป็นความจริงได้
ที่มา : MThai
รีวิวหนัง โหด มัน ฮา แบบไม่เหมือนใคร เอาใจคนชอบบทสรุปของหนังไทย หนังเทศ หนังชนโรง หนังออนไลน์ ไปจนถึงหนังฮิต ติดลมบน ของ netflix ติดตามอ่านทั้งหมด ได้ที่ have-a-look.net