มองชีวิตให้ง่ายขึ้น ถ้าถึงจุดที่ชีวิตมันเฮงซวย The Weather Man เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
The Weather Man เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เป็นเรื่อง ของ “เดวิด สปริทซ์” (นิโคลาส เคจ) ผู้รายงานข่าวพยากรณ์อากาศที่มีบุคลิกแสนจะสดชื่น อารมณ์ดี แต่ชีวิตอีกด้านหลังจอเขากลับมีสารพัดคำถามเกิดขึ้นรอบตัว ความกดดันที่หนึ่ง “เดวิด” พยายามจะเป็นความสมบูรณ์แบบในอาชีพให้ได้อย่างพ่อ (ไมเคิล เคน)
ความกดดันที่สอง “เดวิด” ต้องการฟื้นชีวิตหลังหย่าร้าง ฟื้นความเป็นครอบครัวกลับมาหลังจากลูกๆ เริ่มทยอยเป็นเด็กมีปัญหา เขาจึงใช้ชีวิตทุกอย่างด้วยการมีเป้า และพยายามที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น
แต่เพราะความตั้งใจมากจนลืมตระหนักว่า ชีวิตนั้นไม่แน่นอนไม่อาจคาดหวังได้ทุกเรื่องแม้จะตั้งใจกระทำอย่างเต็มที่ เปรียบเสมือนสภาพอากาศที่เขาต้องพยากรณ์ทุกวัน และการพยากรณ์ก็ไม่สามารถคาดหวังความแม่นยำได้
แต่ “เดวิด” ไม่เป็นเช่นนั้น แม้เขาจะทำงานกับการคาดเดาล่วงหน้า (พยากรณ์อากาศ) แต่เขาปฏิเสธที่จะเชื่อทฤษฎีการคาดเดา หรือความน่าจะเป็น พอๆ กับแนวคิดการใช้ชีวิตที่เขาเชื่อตลอดว่าถ้าทำแบบนี้จะต้องได้แบบนี้ตามมา โดยลืมพิจารณาว่ามันมีความไม่แน่นอนเข้ามาเป็นเงื่อนไขได้ตลอด
วลีที่หนังใช้เป็นสโลแกนที่ว่า In life, accuracy counts. เลยทั้งเสียดสี และประชดกับชะตากรรมของผู้รายงานข่าวพยากรณ์อากาศคนนี้
เมื่อไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของชีวิต “เดวิด” จึงไม่ยอมรับตัวเอง และพยายามจะ “แบก” ความเป็นพ่อที่ดี แต่ไม่ได้เข้าใจครอบครัวอย่างแท้จริงไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นฉากฝืนพาลูกแข่งวิ่งสามขา โดยมีแนวคิดมุ่งมั่นว่าต้องแข่งให้จบ โดยลืมดูเงื่อนไขว่าลูกสาวนั้นขาเจ็บ และตัวอ้วนไม่สามารถจะวิ่งสามขาถึงเส้นชัยไหว
“เดวิด” แตกต่างจากพ่อของตัวเองอย่างสิ้นเชิง เขาขาดความละเอียดอ่อนในการมองเห็นปัญหา ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต และหาทางออก หนังสะท้อนผ่านการเรียนยิงธนูของเขา ที่พยายามจะบอกว่าชีวิตนั้นมีทั้งพลาดเป้า ตรงเป้า และผิดเป้าไปไกล แต่ “เดวิด” ก็ยังไม่ยอมเชื่อ เขาคิดว่าเมื่อง้างคันธนูแล้ว ผลที่ได้รับคือลูกศรต้องปักลงกลางเป้าให้ได้
หากแต่ข้อเท็จจริงคือ ลูกศรจะปักลงตรงกลางเป้าได้หรือผิดเป้าไป เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ช่วงเวลาระหว่างการง้างคันธนูก่อนปล่อยออกไปต่างหาก ไม่แตกต่างจากชีวิตที่ก่อนจะถึงจุดมุ่งหมาย ระหว่างทางคุณทำอะไรลงไปบ้าง มีสติ มีความพร้อมพอที่จะปล่อยลูกธนูออกไปตรงเป้าแค่ไหน และแม้จะมีความพร้อมมั่นใจว่านิ่งพอที่จะปล่อยลูกธนูพุ่งลงกลางเป้า แต่มันก็มีปัจจัยอื่นที่จะทำให้พลาดเป้าได้เช่นกัน
“เดวิด” กำลังเรียนรู้ และค้นหาสิ่งนั้น…
ก่อนที่ “เดวิด” จะเตลิดไปไกล เขาเปรียบชีวิตตัวเองเหมือนอาหารฟาสต์ฟู้ดไร้คุณค่าทางสารอาหาร ที่คนโยนทิ้ง เพราะกินไม่หมด พ่อได้เข้ามาเตือนสติ…ในฉากที่ทั้งคู่นั่งฟังเพลง Like a rock (ดั่งหินผา) ของ “บ็อบ ซีเกล” ด้วยกัน…พ่อให้แง่คิดสุดท้ายกับเขา…
พ่อบอกอ้อมๆ ให้เขามองชีวิตให้ง่ายขึ้น ถ้าถึงจุดที่ชีวิตมันเฮงซวย…เราต้องปล่อยไปซะบ้างเพราะชีวิตก็เหมือนอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยมันมีทั้งความแปรปรวน ไม่แน่นอนแฝงอยู่
ที่มา : MThai
รีวิวหนัง โหด มัน ฮา แบบไม่เหมือนใคร เอาใจคนชอบบทสรุปของหนังไทย หนังเทศ หนังชนโรง หนังออนไลน์ ไปจนถึงหนังฮิต ติดลมบน ของ Netflix ติดตามอ่านทั้งหมด ได้ที่ have-a-look.net