หนังเป็นเรื่องแรกที่ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมอนุมัติสร้าง The Death of Mr. Lazarescu ความป่วยไข้ในโรมาเนีย
The Death of Mr.Lazarescu เป็น 1 ใน 6 เรื่องนั้น และถูกสร้างเป็นหนังเป็นเรื่องแรก โดยได้รับไฟเขียวจากรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมที่กลับคำตัดสินของซีเอ็นซี หนังเล่าถึง ลาซาเรสคู ชายวัย 62 ปี อยู่ตัวคนเดียวในอพาร์ตเมนต์ในบูคาเรสต์กับแมว 3 ตัว เขามีน้องสาวอยู่ต่างเมือง ส่วนลูกสาวย้ายไปอยู่แคนาดา เลี้ยงชีพด้วยเงินบำนาญที่ต้องแบ่งส่วนหนึ่งใช้หนี้น้องสาว และชอบดื่มเหล้าที่ผสมเองเป็นประจำ
ตั้งแต่เช้า ลาซาเรสคูมีอาการปวดหัวอย่างหนักและปวดท้อง โดยคิดว่าเป็นผลมาจากแผลผ่าตัดเมื่อ 14 ปีก่อน เขาโทร.เรียกรถพยาบาลหลายหนแต่ไร้วี่แวว อาการของชายชราหนักถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด เพื่อนบ้านเห็นท่าไม่ดีจึงโทร.เรียกรถพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้รถมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน
มิโอรา เจ้าหน้าที่พยาบาลสาวใหญ่ตรวจลาซาเรสคูแล้วสันนิษฐานว่าชายชราเป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ เธอพาลาซาเรสคูไปโรงพยาบาล แต่หมอกลับบอกว่าเขาเป็นแค่คนแก่ขี้เมาที่เป็นโรคตับ แล้วไล่ไปโรงพยาบาลอื่น
ลาซาเรสคูถูกส่งต่อไปอีก 3 แผนก ใน 2 โรงพยาบาล ความป่วยไข้ของเขาถูกตรวจพบมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งได้ข้อสรุปสุดท้ายว่าเขาต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน แต่ก็ไม่มีที่ไหนรับรักษาชายชรา เหตุผลมากมายถูกเอ่ยอ้าง ประกอบกับคืนนั้นเกิดอุบัติเหตุรถชนใหญ่ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย ทำให้โรงพยาบาลเต็มไปด้วยคนป่วย
อาการของลาซาเรสคูทรุดหนักลงเรื่อยๆ เขาเริ่มไม่ได้สติ พูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ กว่าจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลแห่งสุดท้ายเมื่อฟ้าใกล้สาง
พุยชูเขียนบทหนังเรื่องนี้จากการที่เขาทุกข์ทรมานด้วยอาการลำไส้ใหญ่บวม จนต้องหันมาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคและระบบการรักษาพยาบาล อีกแรงบันดาลใจหนึ่งคือเหตุการณ์จริงปี 1997 เกี่ยวกับชายวัย 52 ปี ชื่อ คอนสแตนติน นิกา ที่ถูกส่งตัวไปหลายโรงพยาบาล ก่อนที่เจ้าหน้าที่พยาบาลจะทิ้งเขาไว้บนถนนและเสียชีวิตในที่สุด
ด้วยเหตุที่หนังกล่าวถึงสภาพปัญหาของระบบรักษาพยาบาลของรัฐ ซึ่งชาวโรมาเนียเองย่อมรู้ซึ้งถึงปัญหาดี แต่สำหรับคนนอกแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาข้อมูลเรื่องนี้เพื่อทำความเข้าใจได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หนังได้ให้ข้อมูลไว้ในบทสนทนาให้เราพอจะปะติดปะต่อภาพได้ว่า ค่าหยูกยาในโรมาเนียเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่คนยากจนได้รับการเหลียวแลจากรัฐลดน้อยลง แม้แต่รถพยาบาลยังแทบจะหยุดทำงานในวันเสาร์-อาทิตย์ ทั้งที่ความเจ็บไข้ไม่เคยเลือกวันทำการ
นอกจากนี้ ภาพของหมอที่ทำงานแบบขอไปที สนใจแต่เรื่องส่วนตัว ไม่กระตือรืนร้นรักษาคนไข้ กับภาพของเจ้าหน้าที่พยาบาลอย่างมิโอราซึ่งช่วยเหลือชายชราและหาทางให้เขาได้รับการรักษาโดยไม่ปริปากบ่น ก็เหมือนเป็นการตบหน้าชนชั้นอาชีพที่ควรมีความรับผิดชอบสูงอย่างตรงไปตรงมา
จุดที่น่าสนใจคือ แม้หนังจะยิงตรงไปยังประเด็นปัญหา เรื่องระบบรักษาพยาบาลในโรมาเนีย แต่ในอีกระดับของเนื้อหา หนังได้ลงลึกไปยังปมทางการเมือง-สังคมด้วย
ช่วงต้นเรื่องในอพาร์ตเมนต์ของลาซาเรสคู ชายชราดูโทรทัศน์ที่กำลังสนทนาเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเมืองทิมิชัวร่า ไม่นานจากนั้น ชายชราได้บอกกับมิโอราว่าเขาเคยผ่าตัดเมื่อ 14 ปีก่อน และคิดว่าแผลผ่าตัดนี้เองคือสาเหตุของอาการผิดปกติ
หากนับจากปี 2003 ซึ่งพุยชูเขียนบทหนังเรื่องนี้ 14 ปีที่แล้วคือปี 1989 อันเป็นปีที่เกิดการปฏิวัติล้มล้างผู้นำเผด็จการ นิโคไล เชาเชสคู เปลี่ยนประเทศจากระบอบคอมมิวนิสต์เป็นประชาธิปไตย (แม้จะไม่มีผลทันทีในความเป็นจริงก็ตาม) โดยจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้คือการจราจลในเมืองทิมิชัวร่านั่นเอง
หากแผลผ่าตัดเมื่อปี 1989 เป็นสาเหตุของอาการผิดปกติ หนังอาจจะกำลังบอกเราว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ราวกับการผ่าตัดนั้น ไม่ได้ทำให้ความป่วยไข้หายไปสิ้น หากมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรงมาถึงปัจจุบัน
หนังเน้นความสมจริงด้วยภาพที่เกิดจากการถือกล้องด้วยมือตลอดเวลา ไม่เน้นความประณีตสวยงาม ตามติดความเป็นไปของตัวละครลาซาเรสคูอย่างใกล้ชิด พร้อมกับถ่ายทอดการกระทำและบทสนทนาของตัวละครอื่นๆ อย่างเป็นธรรมชาติจนใกล้เคียงกับหนังสารคดี นอกจากจะช่วยให้เกิดความสมจริงแล้ว ยังมีผลต่อความรู้สึกของผู้ชมที่ติดตามเรื่องราวมาตั้งแต่แรก
ผู้กำกับฯ คริสตี้ พุยชู ดำริสร้างหนังเรื่องนี้ในปี 2003 ระหว่างที่เขากับผู้กำกับฯโรมาเนียรุ่นใหม่หลายคนมีกรณีพิพาทกับสภาการภาพยนตร์แห่งชาติ (ซีเอ็นซี) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องเงินทุนให้แก่นักสร้างหนัง พุยชูได้เขียนเรื่องย่อของหนัง 6 เรื่องในชื่อชุด Six Stories from the Outskirts of Bucharest หรือ 6 เรื่องเล่าจากคนชายขอบแห่งบูคาเรสต์ โดยมีแผนจะสร้างเป็นหนังทุนต่ำเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งซีเอ็นซี
The Death of Mr.Lazarescu นอกจากจะคว้ารางวัล Un Certain Regard ที่เมืองคานส์แล้ว ยังเข้าชิงและคว้ามาได้ถึงกว่า 40 รางวัลจากหลายเทศกาล
ที่มา : MThai
รีวิวหนัง โหด มัน ฮา แบบไม่เหมือนใคร เอาใจคนชอบบทสรุปของหนังไทย หนังเทศ หนังชนโรง หนังออนไลน์ ไปจนถึงหนังฮิต ติดลมบน ของ Netflix ติดตามอ่านทั้งหมด ได้ที่ have-a-look.net