ทะเลสาบมาราไกโบ (เวเนซุเอลา)
เปาโล คอสต้า/Shutterstock
อ่าวแห่งนี้อยู่นอกทะเลแคริบเบียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของเวเนซุเอลา พายุฝนฟ้าคะนองเข้าปกคลุมท้องฟ้าเกือบทุกคืนของปี โดยเหตุการณ์นี้ปรากฏการณ์สภาพอากาศที่เป็นที่รู้จักกัน Catatumbo ฟ้าผ่าตั้งชื่อตามชื่อแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลสาบ ทะเลสาบมาราไกโบมีสายฟ้าที่เข้มข้นที่สุดบนโลกด้วยการผสมผสานระหว่างความร้อน ความชื้น กระแสลม และภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ในเวลากลางคืน ฟ้าผ่าจะกระทบทะเลสาบมาราไกโบประมาณ 28 ครั้งต่อนาที นานต่อเนื่องถึงเก้าชั่วโมง
ทะเลสาบ Natron (แทนซาเนีย)
ไอเดียสตูดิโอ/Shutterstock
ทะเลสาบ Natron ในประเทศแทนซาเนียเรียกอีกอย่างว่าทะเลสาบที่กลายเป็นหิน เพราะมันมีพลังที่จะเปลี่ยนนกให้กลายเป็น “หิน” อุณหภูมิของน้ำสามารถสูงถึง 140 องศาฟาเรนไฮต์และระดับ pH อยู่ที่ 10.5 ซึ่งเกือบเท่ากับแอมโมเนีย น้ำมีฤทธิ์กัดกร่อนมากจนสามารถเผาผิวหนังและดวงตาของสัตว์ที่ไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับน้ำได้ โซเดียมคาร์บอเนตในระดับสูงยังทำหน้าที่เป็นสารกันบูด ทำให้นก ค้างคาว และสัตว์อื่นๆ ที่ตายในน้ำเกือบจะกลายเป็นมัมมี่ อย่างไรก็ตาม ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสถานที่เพาะพันธุ์ที่ปลอดภัยสำหรับฝูงนกฟลามิงโก
ล็อคเนส (สกอตแลนด์)
rpeters86 ผ่าน Getty Images
Loch Ness เป็นทะเลสาบน้ำจืดหรือทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ในที่ราบสูงสกอตติช ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อเสียงจากการพบเห็นสัตว์ประหลาดล็อคเนส สิ่งมีชีวิตคล้ายงูในตำนานที่มีชื่อเล่นว่าเนสซี การมีอยู่ของเนสซีไม่เคยได้รับการพิสูจน์มาก่อน แต่มันทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แม้ว่าคุณจะไม่เห็นหลักฐานของสัตว์ประหลาด พื้นที่นั้นก็งดงาม หลังจากที่ทุกคนก็อตแลนด์จะพิจารณาโดยนักท่องเที่ยวบางส่วนที่จะเป็นประเทศที่สวยงามที่สุดในโลก
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจได้ที่ have-a-look.net
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก www.theactivetimes.com