กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดย 3 รัฐมนตรี “ตรีนุช-คุณหญิงกัลยา-กนกวรรณ” และผู้บริหารองค์กรหลัก
ร่วมแถลงข่าว “ศธ.รวมพลังจัดการศึกษาปลอดภัย ใต้วิกฤตโควิดระลอกสาม” เน้นทำงานร่วมกัน
นักเรียนทุกคนต้องไม่พลาดโอกาสการเรียนรู้ ควบคู่ความปลอดภัย เปิด Web Portal เสริมแพลตฟอร์มต่าง ๆ
และเว็บไซต์ “ครูพร้อม” เป็นแหล่งเรียนรู้กลาง นำร่อง 11 วันทำการก่อนเปิดเทอม (17-31 พ.ค.)
เรียนตามความสมัครใจไม่มีการให้คะแนนผ่าน/ไม่ผ่าน เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ณ ห้องประชุมจันทรเกษม
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารองค์กรหลัก ร่วมแถลงข่าว
“ศธ.รวมพลังจัดการศึกษาปลอดภัย ใต้วิกฤตโควิดระลอกสาม” ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ ETV
และเฟซบุ๊กองค์กรหลัก รวมทั้ง “ศธ.360 องศา” ตามที่ ศธ.ได้เลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ของสถานศึกษาในสังกัด เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ระลอกสามยังมีความรุนแรง เพื่อไม่ให้เด็กเสียโอกาสในการเรียนรู้
ผู้ปกครองมั่นใจในความปลอดภัยของบุตรหลาน ศธ.จึงได้เตรียมความพร้อมในการจัดการศึกษา
โดยได้วางแผนการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะที่หนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 17-31 พ.ค. ก่อนเปิดภาคเรียน 11 วันทำการ จะเป็นการเตรียมความพร้อมของทั้งครูและนักเรียน
โดยมีการจัดกิจกรรมเสริมความรู้การจัดการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เช่น เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้ถึงทักษะชีวิตที่จำเป็น
จากเหตุการณ์ร่วมสมัย จัดการเรียนรู้ของจริง ประสบการณ์จริง เพื่อทำให้การเรียนรู้ของเด็กไทยต่อเนื่องไม่หยุดชะงักลง
ซึ่ง ศธ.จะจัดทีมพี่เลี้ยงเพื่อให้คำปรึกษาแก่ครูในการจัดกิจกรรมตามแนวทางดังกล่าว โดยอาจเริ่มจากประเด็นการเรียนรู้
ในเรื่องสถานการณ์โควิดเป็นลำดับแรก
ระยะที่สอง ตั้งแต่การเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป จะเป็นการจัดการเรียนรู้ 5 รูปแบบ
คือ On-Site เรียนที่โรงเรียน โดยมีมาตรการเฝ้าระวังตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.), On-Air เรียนผ่าน DLTV, On-Demand เรียนผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ
Online เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต,On-Hand เรียนที่บ้านด้วยเอกสาร เช่น หนังสือแบบฝึกหัดใบงาน และในรูปแบบผสมผสาน
หรืออาจใช้วิธีอื่น ๆ เช่น วิทยุ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่า สถานศึกษาส่วนใหญ่จะเน้นการเรียนที่โรงเรียน
หรือ On-Site ในส่วนของการจัดกิจกรรมแบบออนไลน์
ขณะนี้ ศธ.เตรียมจัดทำ Web Portal ขึ้นมาใหม่ เพื่อเสริมแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่หน่วยงานในสังกัด ศธ.มีอยู่
โดยจะเป็นคลังสื่อ ข้อมูลการเรียนรู้ ตลอดจนรูปแบบการจัดกิจกรรม ซึ่งมีข้อมูลทั้งของ สพฐ.-สช.-สำนักงาน
กศน.-สอศ. แบ่งเป็นหัวข้อ – หมวดหมู่ตามความสนใจ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนทุกกลุ่ม ครู ผู้บริหาร
และผู้ปกครอง สามารถเข้าถึงได้ผ่านระบบกลาง ส่วนกิจกรรมรูปแบบออฟไลน์ สถานศึกษา
และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จะเป็นผู้ออกแบบกิจกรรมร่วมกับ ศบค.จังหวัด ซึ่งคิดขึ้นมาจากเหตุการณ์ร่วมสมัย
สิ่งสำคัญคือทุกคนสามารถเลือกหัวข้อหรือกิจกรรมที่ต้องการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ศธ.จะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
ซึ่งต้องให้พื้นที่ประเมินร่วมกับ ศบค.จังหวัดว่าพื้นที่นั้นเหมาะสมกับการเรียนรูปแบบใด โดยมีความมั่นใจและรับประกันได้ว่า
เมื่อเปิดเทอมแล้วเด็กทุกคนจะได้เรียนอย่างมีคุณภาพ ครบตามที่หลักสูตรกำหนด
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ศธ.จะรวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เหมาะสม เป็นประโยชน์
จากคุณครูที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อเป็นช่องทางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกิดเป็นชุมชนออนไลน์เพื่อการเรียนรู้อย่างแท้จริง
ผ่านช่องทางที่เชื่อมต่อสู่เว็บไซต์ “ครูพร้อม” เพื่อให้ครูที่พร้อมแล้ว ได้มาช่วยเหลือ แบ่งปัน เพื่อนครูด้วยกัน
ซึ่งโครงการของครูพร้อม เกิดจากความห่วงใยว่าเมื่อเลื่อนการเปิดเรียนไปเป็นวันที่ 1 มิถุนายนแล้ว ในช่วงเวลา 11 วันทำการ
ก่อนเปิดภาคเรียน ก็ถือเป็นเวลาที่มีค่าที่จะเป็นทางเลือกให้กับครู ผู้ปกครอง นักเรียน มีโอกาสเข้าถึงกระบวนการการเรียนรู้
ที่โดยจัดไว้เป็น 2 รูปแบบดังกล่าวทั้ง Online และ On-Site ซึ่งเป็นการบูรณาการโดยหน่วยงานทุกสังกัดของ
ศธ. รวบรวมเนื้อหาทุกส่วนที่สำคัญมาไว้ในเว็บไซต์เดียวที่เรียกว่า “ครูพร้อม” ซึ่งมีภาคเอกชนมาร่วมด้วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ส่วนด้าน On-Site ในพื้นที่ อาจเป็นการจัดการเรียนรู้ทักษะชีวิตซึ่งไม่ได้อยู่ในตำรา โดยนำสถานการณ์จริงมาใช้ในการเรียนรู้
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Active Learning จำลองกระบวนการการเรียนรู้ให้เป็นรูปแบบของรูปแบบการส่งเสริมหลักสูตรสมรรถนะ
ซึ่งจะมีการใช้ในปีการศึกษาหน้า ถือเป็นการเอาเวลาที่มีอยู่เหล่านี้ มาเตรียมความพร้อมให้กับครูและนักเรียน
ในเรื่องของการใช้สถานการณ์จริง ทั้งนี้ นักเรียนและผู้ปกครองสามารถร่วมกิจกรรมได้ตามความสมัครใจ
ไม่มีการให้คะแนนผ่าน/ไม่ผ่าน แต่อย่างใด
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า วันนี้เป็นการรวมพลังกันครั้งแรกของ ศธ. ที่จะให้ความมั่นใจ
กับผู้ปกครอง นักเรียน และครู ถึงแม้จะมีวิกฤตโควิด 19 ก็ตาม การศึกษาจะไม่หยุดยั้งและเดินหน้าต่อไปอย่างหลายวิธี
ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือ นักเรียนจะต้องได้รับการศึกษาที่หลากหลาย สนุก น่าสนใจ และปลอดภัย ในช่วง 11 วันก่อนเปิดเทอมนี้
นักเรียนจะสามารถใช้ความรู้ด้านทักษะชีวิตไปช่วยลดภาระพ่อแม่ ส่วนวิชาอื่น ๆ เมื่อเรียนแล้วต้องเอาไปใช้กับบริบทท้องถิ่น
และชีวิตประจำวันให้ได้ จึงจะทำให้การเรียนสนุกขึ้นได้ ขณะที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี จะร่วมสร้างสร้างอาชีพ
ให้กับคนตกงานด้วยองค์ความรู้ด้านการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องน้ำซึ่งเป็นหัวใจของการเกษตร โดยมีหลักสูตรที่จะสอนใหม่
ในเทอมหน้าก็คือหลักสูตรชลกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถมาเรียนรู้วิธีบริหารจัดการน้ำได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการ
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า บุคลากรของ กศน.มีอยู่ทุกพื้นที่ พร้อมให้ความร่วมมือกับผู้นำท้องถิ่น
ในการจัดการศึกษาตามสถานการณ์และบริบทแต่ละพื้นที่ และยังมีสื่อโทรทัศน์ ETV ที่ให้การเรียนรู้อย่างเข้าถึง
และเข้าใจความต้องการของผู้เรียน ซึ่งเป็นภารกิจของ กศน.เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันด้านโรงเรียนเอกชน
ก็ได้มีความร่วมมือแบ่งปันความรู้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยมีผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มาช่วยเพิ่มความรู้ เสริมความมั่นใจ
พัฒนาหลักจิตวิทยา กระบวนการคิด และทักษะการใช้ชีวิตในยุค New Normal จึงขอเชิญทุกคนร่วมกัน
“เรียนรู้ ปรับใช้ พัฒนา ต่อยอด” เพื่อสร้างสังคมให้เข้มแข็งต่อไป
นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตอบคำถามสื่อมวลชนภายหลังแถลงข่าว
ถึงความคืบหน้าการเตรียมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา
ว่าขณะนี้ ศธ.ยังกำหนดให้มีการเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2564 ในวันอังคารที่ 1 มิ.ย.นี้ แต่ยังมีความกังวล
เนื่องจาก ศธ.มีนักเรียนนักศึกษาในสังกัดจำนวนมากกว่า 8 ล้านคน ทำให้ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา
เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่อาจได้รับเชื้อโควิด 19 จึงพยายามผลักดันให้ข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา ทุกคน ทุกสังกัด
ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันก่อนเปิดภาคเรียนเนื่องจากครูต้องใกล้ชิดกับนักเรียนจำนวนมาก
และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง เมื่อเปิดภาคเรียนใหม่ จะสามารถลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโควิด 19
ได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งยังให้ความมั่นใจได้ว่า โรงเรียนมีมาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพ ซึ่งขณะนี้
ศธ.ได้เสนอมาตรการดังกล่าวให้ ศบค.ชุดเล็ก พิจารณา และผ่านการเห็นชอบแล้ว ศธ.กำลังรวบรวมรายชื่อครูทุกอำเภอ
ทุกสังกัด ส่งให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อจัดสรรวัคซีนให้ครูทั้ง 6 แสนกว่าคน
คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จไม่เกินสัปดาห์นี้ เพื่อพร้อมสำหรับการทยอยฉีดให้ทันก่อนการเปิดภาคเรียน
“ขอความร่วมมือทั้งครูและนักเรียนหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงโดยไม่มีความจำเป็น
เพราะหากครูคนใดคนหนึ่งติดเชื้อ จะส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน และยังเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อไปยังเด็กนักเรียนด้วย
ขอให้ข้าราชการครูทุกคนได้ปฎิบัติตามมาตรการของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด” ปลัด ศธ.กล่าว