ครม.รับทราบรายงานเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันเด็ก
สรุปมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ
มีมติรับทราบรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรี กรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5
หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กรณีการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันเด็ก
ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอและมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รับข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะ
ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 (เรื่อง ขอปรับค่าอาหารกลางวันเด็ก) แล้วรายงานต่อผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รายงาน กรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กรณีการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันเด็ก
ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันยังไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก
1. การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน
ให้แก่สถานศึกษาหลายแห่งล่าช้า
2. การขาดนักโภชนาการชุมชนครบทุกท้องถิ่น
3. ค่าเฉลี่ยอาหารกลางวันในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาลดลงต่ำกว่า 20 บาท
4. การนำวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับกรณีการใช้จ่ายงินอุดหนุนอาหารกลางวันเด็ก
ที่เกินกว่า 500,000 บาท ทำให้ค่าอาหารกลางวันเฉลี่ยต่อรายเพิ่มสูงขึ้นจากการบวกกำไรเพิ่มของผู้ประมูล
5. หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันกรณีเงินเหลือจ่ายที่กระทรวงการคลั
และสถานศึกษาหลายแห่งถือปฏิบัติไม่สอดคล้องกับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงมีข้อเสนอแนะ
ต่อประเด็นดังกล่าวมาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบและพิจารณาดำเนินการต่อไป
ประเด็นข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
1. กรณีการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีประเภทเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน
แก่สถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศล่าช้า
ความเห็นของส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง
– กค. และ มท. ชี้แจงว่า ปัจจุบันได้กำหนดแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับกรณีอาหารกลางวัน
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและเป็นไปในแนวทางเดียวกันแล้ว
– ศธ. ชี้แจงว่าการขอรับการจัดสรรงบประมาณค่าอาหารกลางวันเด็กจาก อปท. บางแห่งล่าช้า
เนื่องจากมีรายละเอียดขั้นตอนค่อนข้างมาก
2. กรณีการขาดนักโภชนาการชุมชนครบในทุกท้องถิ่นทั่วประเทศ
ความเห็นของส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง
– ศธ. มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า หากรัฐบาลสามารถจัดหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือ
นักโภชนาการหรือผู้มีความรู้ความสามารถในการจัดการด้านโภชนาการสำหรับเด็ก
ให้เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง จะเป็นผลดีแก่ทั้งโรงเรียนและนักเรียน
3. กรณีค่าเฉลี่ยอาหารกลางวันในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาลดลงต่ำกว่า 20 บาท
เนื่องจากงบประมาณโครงการอาหารกลางวันเด็กไม่ครอบคลุมถึงเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษา
ในโรงเรียนขยาย โอกาสทางการศึกษา
ความเห็นของส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง
– ศธ. ชี้แจงว่า เด็กนักเรียนขยายโอกาสระดับมัธยมศึกษาเป็นนักเรียนที่มีฐานะยากจน
และขาดแคลนอาหารกลางวันและโรงเรียน ไม่สามารถละเลยได้ – สงป.
เห็นควรพิจารณาการใช้จ่ายเงินให้ครอบคลุมจากทุกแหล่งเงิน เช่น จากดอกผลของเงินกองทุน
เพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา และเงินรายได้ของ อปท. มาสมทบค่าอาหารกลางวัน
4. กรณีการนำวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ
ภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาบังคับใช้แก่กรณีการใช้จ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียน
ที่เกินกว่า 500,000 บาท
ความเห็นของส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง
– กค. มท. และ ศธ. ชี้แจงว่า ปัจจุบันมีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดอาหารกลางวัน
ที่มีความครอบคลุม ครบถ้วน และชัดเจนแล้ว
5.หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันกรณีเงินเหลือจ่ายที่ กค.
และสถานศึกษาหลายแห่งยึดถือไม่สอดคล้องกับที่ อปท. ยึดถือ
ความเห็นของส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง
– กค. และ มท. ชี้แจงว่า หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนจาก อปท. มีเงินเหลือจ่าย ต้องส่งคืนให้ อปท.
อย่างไรก็ตาม ศธ.เห็นว่า ควรเสนอให้คณะรัฐมนตรีปรับแก้ไขแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงินอุดหนุน
โครงการอาหารกลางวันเด็กให้โรงเรียนสามารถเก็บเงินเหลือจ่ายหรือที่ได้รับเงินดอกผล
จากการนำเงินฝากธนาคารให้คงไว้ในบัญชี เพื่อสมทบเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารกลางวัน
ตามความจำเป็นและเหมาะสม
นอกจากนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ
มีความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มติมเกี่ยวกับประเด็นปริมาณและคุณภาพของอาหารกลางวันสำหรับเด็กนักเรียน
เช่น ควรมีระบบกำกับติดตามอาหารกลางวันที่มีคุณภาพควบคู่กับระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง และส่งต่อภาวะโภชนาการ
รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันแก่เด็ก
ซึ่งสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ที่เห็นชอบการปรับค่าอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน
ให้สอดรับกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมอบหมายให้ ศธ. พิจารณาแนวทางและมาตรการ
ในการดำเนินการเพื่อส่งเสริม สนับสนุนหรือขอความร่วมมือจากภาคเอกชนและผู้ปกครองนักเรียนให้เข้ามามีส่วนร่วม
ในการจัดหาอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รับอาหารกลางวันที่เหมาะสม เพียงพอและถูกหลักโภชนาการ
ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงควรเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินโครงการอาหารกลางวันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส
และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่เด็กนักเรียน ตามเจตนารมณ์ของโครงการดังกล่าวต่อไป