ขณะนี้ รัฐบาลจีนได้มีการอนุญาตให้นักผจญความสูงจำนวนหนึ่ง สามารถขึ้นพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์อีกครั้ง โดยเปิดทางขึ้นเฉพาะฝั่งทางด้านเหนือให้กับผู้ที่ผ่านการทดสอบว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกับกำชับให้มีการรักษาระยะห่างตลอดการปีนเขาด้วย
สำนักข่าว The Associated Press ได้รายงานมาว่า หลังเกิดการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างของโคโรนาไวรัสเมื่อปีที่แล้ว ทั้งเนปาลและจีนระงับการให้คำอนุญาตแก่นักปีนเขาต่างชาติขึ้นพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์มาตลอด
จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ที่เนปาลเริ่มผ่อนคลายกฎดังกล่าวและอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ต้องการพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกเข้ามาในประเทศอีกครั้ง แม้ว่าอัตราการระบาดจะพุ่งสูงก็ตาม
แต่หลังการเริ่มต้นฤดูกาลปีนเขาได้ไม่นาน มีการยืนยันว่า นักปีนเขารายหนึ่งจากนอร์เวย์ที่ขึ้นพิชิตเอเวอร์เรสต์เมื่อเดือนที่แล้ว ติดเชื้อโควิด-19 ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานดูแลกิจกรรมการปีนเขาของเนปาลปฏิเสธว่า เกิดการระบาดบนพื้นที่ภูเขาเอเวอร์เรสต์ และอ้างว่า มีแต่กรณีผู้ประสบภาวะ Altitude Sickness ซึ่งมักพบในนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากๆ นั้น รวมทั้งอาการป่วยอื่นๆ ที่เกิดขึ้นได้ในสภาพอากาศหนาวเย็น
และมีระดับออกซิเจนที่ต่ำเท่านั้น ก่อนที่รัฐบาลเนปาลจะออกประกาศระงับเที่ยวเบินทั้งหมดในสัปดาห์นี้ ตามแผนงานล็อคดาวน์เข้มข้นสำหรับพื้นที่เมืองหลวงและเมืองสำคัญอื่นๆ เนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้น
แต่ในเวลาเดียวกัน ทางการจีนที่รายงานว่า สามารถควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสภายในประเทศได้เกือบหมดแล้ว ภายใต้การดำเนินมาตรการจำกัดบางอย่าง และการตรวจเช็คสุขภาพ รวมทั้งการเฝ้าระวังเชื้อที่อาจเดินทางเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพิ่งออกใบอนุญาตให้กับนักปีนเขาจำนวน 38 คน
ภายใต้นโยบายที่อนุญาตให้เฉพาะประชาชนที่มาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงของการระบาดที่ต่ำ และสามารถแสดงหลักฐานการตรวจอาการจากแพทย์ ให้ขึ้นพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้ ตามรายงานของสื่อทางการจีนในวันศุกร์
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจได้ที่ have-a-look.net ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกรอบนี้ ต้องทำการตรวจอุณหภูมิเป็นประจำ และใช้ออกซิเจนบรรจุขวด รวมทั้งรักษาระยะห่าง 4 เมตรระหว่างกันเมื่อขึ้นถึงยอดเขาด้วย
นอกจากนั้น ทางการของจีนและเนปาลจะประสานงานกันตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่า นักปีนเขาจากทั้งสองฝั่งจะไม่พบกันตลอดการขึ้นพิชิตยอดเขา
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก www.voathai.com