ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ทำการกล่าวสุนทรพจน์ ต่อที่ประชุมสองสภาที่กรุงวอชิงตันเป็นครั้งแรก เมื่อวันพุธที่ 28 เมษายน เวลา 21:00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ซึ่งวาระดังกล่าวก็ตรงกับวันครบรอบ 100 วันที่นายไบเดน ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯอีกด้วย
คาดว่าประธานาธิบดีคนที่ 46 จะพูดถึงนโยบายใหม่เพื่อช่วยเหลือครอบครัวชาวอเมริกัน พร้อมทั้งเน้นถึงบทบาทของสหรัฐฯในฐานะผู้นำโลก
โฆษกรัฐบาลอเมริกัน เจน ซากี ได้ให้ข้อมูลก่อนพิธีการกล่าวสุนทรพจน์ว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะแถลงถึงแก่นสารของนโยบายภายในประเทศ โดยจะเน้นย้ำเรื่องการให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนด้านการศึกษาและการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าเป็นการลงทุนที่สำคัญ
นโยบายใหม่กว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์
แผนดังกล่าวจะใช้เม็ดเงินประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 ปีจากนี้ ซึ่งจะมีการริเริ่มนโยบายสนับสนุนการพัฒนาของเด็กก่อนวัยเรียน การให้นักศึกษาเรียนฟรี 2 ปี ในระดับมหาวิทยาลัย การให้เงินสนับสนุนด้านการเลี้ยงดูเด็ก การแจกจ่ายเงินจำนวน 250 ดอลลาร์แบบรายเดือนให้แก่ผู้ปกครอง และการขยายโครงการอุดหนุนราคาอาหารกลางวันแก่นักเรียน ณ สถานศึกษา
สำหรับวิธีการหางบประมาณเพื่อทำให้นโยบายข้างต้นเป็นจริง รัฐบาลชุดไบเดนจะทำการเรียกเก็บภาษีคนรายได้สูงเพิ่มขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้พรรครีพับลิกันและนักลงทุนบางส่วน
นอกจากนี้ คาดว่าประธานาธิบดี ไบเดน จะพูดถึงประเด็นสำคัญอื่นๆอีก เช่น ความคืบหน้าในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อัตราการว่างงานของคนอเมริกัน การปฏิรูปตำรวจ และ มาตรการซื้อขายและครอบครองอาวุธปืน
แผนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
สำหรับด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำเนียบขาวเผยว่าประธานาธิบดีไบเดนน่าจะพูดถึงค่านิยมอเมริกันและลำดับความสำคัญเรื่องนโยบายต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงประเด็นที่เกี่ยวกับจีน
ที่ผ่านมา รัฐบาลไบเดน ได้ประสานงานกับพันธมิตรในด้านต่างๆ เช่น ความร่วมมือกับประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตเเลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ซึ่งในเดือนนี้ทั้งสหรัฐฯและนาโต้ก็ได้เริ่มถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถานร่วมกัน
การนำสหรัฐฯ กลับเข้าสู่เวทีโลกภายใต้รัฐบาลไบเดน เเสดงให้เห็นถึงความเเตกต่างจาก แนวทาง “อเมริกาต้องมาก่อน” ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ในอดีต ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้เลือกวุฒิสมาชิกจากรัฐเซาท์แคโรไลนา นายทิม สก็อต ให้มากล่าวสุนทรพจน์เพื่อประเมินการทำงานของรัฐบาลชุดนี้หลังประธานาธิบดีไบเดนพูดเสร็จด้วย
สุนทรพจน์ที่ต่างออกไปจากอดีต
ประเด็นที่น่าสนใจอีกข้อ คือ การปรับพิธีการการกล่าวสุนทรพจน์ในค่ำคืนนี้ที่จะต่างออกไปจากอดีต เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสและมาตราการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม
ปกติแล้ว การกล่าวสุนทรพจน์ในวาระสำคัญดังกล่าวจะมีการเชิญ ส.ส. และ ส.ว. จำนวน 535 คน รองประธานาธิบดี คณะรัฐมนตรี เสนาธิการร่วม คณะผู้พิพากษาจากศาลสูงสุดของสหรัฐฯ สมาชิกทางการฑูต และ แขกรับเชิญพิเศษคนอื่นๆที่จะนั่งข้างสตรีหมายเลขหนึ่ง
แต่การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้จะมีการจำกัดจำนวนผู้ฟังในสภาให้เหลือเพียง 200 คน ซึ่งประธานตุลาการศาลสูงสุดของสหรัฐฯ นาย จอห์น โรเบิร์ตส์ จะเป็นผู้พิพากษาท่านเดียวได้นั่งฟัง ส่วนที่นั่งพิเศษสำหรับสตรีหมายเลขหนึ่งและกับแขกพิเศษก็จะถูกยกเลิกไป จะมีการถ่ายทอดสุนทรพจน์แบบออนไลน์ให้บุคคลสำคัญต่างๆและคณะรัฐมนตรีรับชมที่บ้านแทน ทั้งนี้ การที่ไม่มีคณะรัฐมนตรีทั้งหมดมานั่งในสภานั้น ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกตัวแทนมาสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯหากมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังคง ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจได้ที่ have-a-look.net ไม่รื้อรั้วกั้นและลวดหนามรอบอาหารรัฐสภา ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันด้านความปลอดภัยหลังกลุ่มผู้สนับสนุนประธาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บุกรัฐสภาในวันที่ 6 มกราคม เพื่อที่จะหยุดยั้งกระบวนการรับรองผลเลือกตั้งที่ไบเดนชนะเลือกตั้งประธาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก www.voathai.com