WHO ให้ความหมายของผู้สูงอายุว่า หมายถึงผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปผู้สูงอายุ
มีความต้องการพลังงานลดลงจากวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากปริมาณกล้ามเนื้อและมวลกล้ามเนื้อที่ลดลง
การลดลงของมวลกล้ามเนื้ออาจเนื่องมาจากการใช้พลังงานสำหรับการประกอบกิจกรรม
ในชีวิตประจำวันและอัตราการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ๆ ลดลง อัตราการเผาผลาญอาหารลดลง
ตามอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ความต้องการสารอาหารอื่น ๆ รวมทั้งวิตามินและเกลือแร่ไม่ลดลง
ยกเว้นความต้องการธาตุเหล็ก
ในการบริโภคอาหารของผู้สูงอายุต้องคำนึงถึงคุณภาพของอาหาร โดยให้พลังงานลดลง
แต่ได้สารอาหารครบถ้วนแต่ละวัยต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน เพราะ การใช้พลังงาน
การดูบซับ และการเคลื่อนไหวร่างกายที่แตกต่างกันผู้สูงอายุมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่น้อยลง
การเผาผลาญลดลง แต่ยังมีความต้องการสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่เหมือนกับวัยอื่น ๆ
ผู้สูงอายุทานยังไงให้แข็งแรง

เน้นผัก ผลไม้ที่หวานน้อย เพิ่มไฟเบอร์
ผู้สูงอายุควรเพิ่มการรับประทานอาหารประเภทที่มีกากใยสูงในทุกมื้อ ช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอล
ในร่างกายให้สมดุล และยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามิน และทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ง่าย
ตัวอย่างอาหารที่พบกากใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวโอ๊ต ถั่วชนิดต่าง ๆ การเลือกทานผลไม้
ควรเลือกทานผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ผู้ที่เป็นเบาหวานควรหลีกเลี่ยงการทาน ผลไม้ที่มีแป้งและน้ำตาลสูง
เช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย มะม่วงน้ำดอกไม้

ไม่กินรสจัด ลดโซเดียม
ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ควรได้รับโซเดียมในปริมาณเพียง 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน หรือคิดเป็น ⅔ ช้อนชา
ซึ่งโซเดียมได้มาจากการรับประทาน เกลือ ซึ่งเกลือถูกใส่อยู่ในอาหารที่ได้รับการปรุงแล้ว
อีกทั้งโซเดียมมักจะอยู่ในอาหารที่มีรสเค็ม อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งถ้าหากผู้สูงอายุ
ได้รับประทานโซเดียมในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าปกติ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ผู้สูงอายุควรดื่มน้ำประมาณ 1 ลิตร (6-8แก้ว) ต่อวัน สามารถปรับได้ตามความต้องการของร่างกาย
โดยดูจากปัสสาวะมีสีเหลืองอ่อนๆ เกือบขาว แสดงว่าน้ำในร่างกายเพียงพอแล้ว หากเป็นไปได้
ควรหลีกเลี่ยงการทานน้ำอัดลม ชา กาแฟ เพราะอาจทำให้ท้องผูก และน้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง
ทานอาหารเสริมในปริมาณที่เหมาะสม
การทานอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุสามารถทานได้ เช่น แคลเซียม ช่วยเรื่องปัญหากระดูกพรุน แมกนีเซียม
ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท กล้ามเนื้อ หัวใจ ธาตุเหล็ก ช่วย ป้องกันภาวะซีด โลหิตจาง
และอาการเหนื่อยง่าย ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีอยู่ในพืชผัก ผลไม้อยู่เเล้ว หากต้องการเน้นเป็นพิเศษ
ก็สามารถทานเป็นอาหารเสริมได้แต่ในปริมาณที่เหมาะสมที่ร่างกายจะได้รับต่อวัน แต่ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว
บางคนมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำงานของตับ ไต จึงควรปรึกษาเภสัชกร ก่อนจะนำมาให้ผู้สูงอายุทาน