หลาย ๆ คน คงจะเคยได้อ่านหนังสือ หรือได้ชมภาพยนตร์เกี่ยวกับ “ไททานิก” (Titanic) กันมาแล้ว เรื่องราวคือการที่เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นระหว่างการเดินทาง
โดย “ไททานิก” เป็นเรือเดินสมุทรของบริษัท ไวท์ สตาร์ ไลน์ (White Star Line) ต่อขึ้นที่เมืองเบลฟาสต์ของไอร์แลนด์โดยใช้เวลาตั้งแต่ปีค.ศ.1909-1911 ออกเดินทางเที่ยวแรกและเที่ยวสุดท้ายจากเมืองเซาแธมป์ตันของอังกฤษสู่นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 10 เมษายน ปี 1912
โดยมีผู้โดยสารและลูกเรือร่วมเดินทางกว่า 2,200 ชีวิต ในการเดินทางครั้งสุดท้ายนั้น ลูกเรือไททานิกได้รับสัญญาณเตือนให้ระวังภูเขาน้ำแข็งมากกว่า 30 ครั้ง แต่ไม่ได้แจ้งให้กัปตันรับทราบ
จนกระทั่งเรือชนเข้ากับก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาในเวลา 11.40 น. ของวันที่ 14 เมษายน ปี 1912 และจมลงสู่ก้นมหาสมุทรลึกกว่า 4,000 เมตร นอกชายฝั่งนิวฟันด์แลนด์ ในเวลา 2.20 น. ของวันที่ 15 เมษายน 1912
ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,513 ราย ซึ่งเรื่องนี้ก็มีตำนานมากมาย ในครั้งนี้เราจะมา กล่าวถึง อาหารมื้อสุดท้ายที่เสิร์ฟบนเรือไททานิค
มีบันทึกเอาไว้ว่าในครั้งนั้น ก่อนจะนำเรือลงน้ำและเดินทางไปสู่หัตถ์แห่งพระเจ้าของเรือไททานิกในครั้งนั้น ได้มีการลำเลียงอาหารเพื่อบริการแก่ผู้โดยสาร มีรายการดังต่อไปนี้ครับ เนื้อสัตว์และปลากว่า 130,000 ปอนด์ ไอศกรีมอีก 1,750 ปอนด์ เลยทีเดียว
1st Course : Oysters with fresh lime – หอยยนางรม เสิร์ฟพร้อมมะนาวสด
2nd Course : Consomm Olga (Clear Beef Soup with Scallops, Leek, Celery & Carrot) – ซุปใสเนื้อ เสิร์ฟพร้อม หอยเชลล์, ต้นกระเทียม, คึ่นฉ่ายฝรั่ง และ แครอท
3rd Course : Poached Salmon with Mousseline Sauce (Poached Salmon Fillet on a Bed of Cucumber with a Hollandaise & Whipped Cream Sauce) – ปลาแซลมอนนึ่ง เสิร์ฟบนแตงกวา ราดด้วยซอสฮอลลันเดส และ วิปปิ้งครีม
4th Course : Filet Mignons Lili (Beef Fillet on Crisp Potato slices topped with Artichoke, Foie Gras, Truffle and a Rich Truffle Sauce), Chicken Lyonnaise (Chicken Breast with Onion Glaze), and Vegetable Marrow Farci – เนื้อสันในวางบนแผ่นมันฝรั่งกรอบ โรยด้วยอะติโชค, ตับห่าน และเห็ดทรัฟเฟิล ราดด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิลเสิร์ฟคู่กับ อกไก่วางบนหอมหัวใหญ่ผัด, และข้าวปรุงสไตล์อิตาเลี่ยน
5th Course : Lamb with Mint Sauce, Roast Duck with Apple Sauce, Beef Sirloin with Gravy, Chateau Potato, Green Peas, and Creamed Carrots – สันในแกะราดด้วยมิ้นท์ซอส เสิร์ฟพร้อม เป็ดอบราดซอสแอปเปิ้ล, เนื้อสันนอก ราดด้วยเกรวี่ซอส และมันฝรั่ง, ถั่วลันเตา และ แครอทตุ๋น
6th Course : Punch Romaine – น้ำพั้นช์ผักสลัดสด
7th Course : Roast Pigeon on Watercress Salad – นกพิราบอบ วางบนผักสลัดวอเตอร์เครส
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจได้ที่ have-a-look.net 8th Course : Cold Asparagus Vinaigrette – หน่อไม้ฝรั่งราดด้วยซอสวีเนเกรท
9th Course : Pt de Foie Gras with Fresh Celery and Melba Toast – ตับห่านบดในขนมปังอบ เสิร์ฟพร้อม คึ่นฉ่ายฝรั่ง และแผ่นขนมปังกรอบ
10th Course : Waldorf Pudding, Peaches in Chartreuse Jelly, Chocolate clairs with Vanilla Cream, and French Vanilla Ice Cream – วัลดอร์ฟ พุดดิ้ง เสิร์ฟพร้อม ลูกพีชในเจลลี่ชาทริอุส, ช็อคโกแลตเอแคลร์กับวานิลาครีม และไอศกรีมวานิลา สไตล์ฝรั่งเศส
11th Course : Fresh Fruit and Selection of Cheese – ผลไม้สด และชีสหลากหลาย
ขอบคุณแหล่งที่มา www.mthai.com