ปริศนาสุสานวาฬในชิลี ขุดพบโครงกระดูกฝูงวาฬจำนวนมากที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางอเมริกาใต้ พวกมันอาจหลงทางและเกยตื้นหรือพวกมันอาจติดอยู่ในทะเลสาบเนื่องจากดินถล่มหรือพายุ
หรือพวกมันอาจตายที่นั่นมานกว่า 2-3 พันปี
หรือบางทีพวกมันอาจตายลงในที่ไม่ห่างจากตัวอื่นในฝูงเพียงไม่กี่เมตรแต่สุสานตรงพื้นทะเลถูกแรงยกทางธรณีวิทยาดันขึ้นมาแล้วแปรสภาพเป็นสถานที่
อันแห้งแล้งที่สุดบนโลก
มาถึงวันนี้ซากวาฬเหล่านั้นได้โผล่ออกมาให้เห็นอีกครั้งบนยอดเนินของทะเลทรายอะทาคามา (Atacama Desert)
ซึ่งเอพีระบุว่านักวิจัยทั้งหลายได้เริ่มต้นขุดฟอสซิลของวาฬก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งถูกเก็บในสุสานเก็บรักษาซากได้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยนักวิทยาศาสตร์ของชิลีได้ทำงานร่วมกับนักวิจัยจากสถาบันสมิทโซเนียน
(Smithsonian Institution) สหรัฐฯ เพื่อศึกษาว่าวาฬเหล่านี้มาอยู่ในมุมของทะเลทรายดังกล่าวได้อย่างไร “นั่นเป็นคำถามสำคัญ”มาริโอ ซอเรซ (Mario Suarez) ผู้อำนวยการจากพิพิธภัณฑ์บรรพชีวินวิทยา
(Paleontological Museum) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงของชิลีประมาณ 700กิโลเมตร กล่าว
สุสานวาฬในชิลี
ฟอสซิลเหล่านี้โผล่ขึ้นมาเมื่อเดือน มิ.ย.53 ระหว่างโครงการขยายทางหลวงซึ่งโครงการนี้ยังดำเนินต่อไปอยู่ส่วนบริเวณที่พบฟอสซิลข้างทางหลวงตอนนี้มีพื้นที่เทียบเท่าสนามฟุตบอล 2
สนาม หรือประมาณความยาว 240 เมตร กว้าง 20 เมตร เพียนสันกล่าวว่าครั้งหนึ่งนั้นจุดดังกล่าวมี “สภาพแวดล้อมคล้ายทะเลสาบ”และวาฬเหล่านั้นอาจจะตายในช่วงเวลาระหว่าง 2-7 ล้านปีก่อนโดยฟอสซิลส่วนใหญ่เป็นของ “วาฬกรองกิน” (baleen whale) ซึ่งมีความยาวประมาณ8 เมตร และทีมวิจัยยังพบโครงกระดูกของวาฬหัวทุย (sperm whale)
ซากวาฬ และ โลมา
และซากของโลมาที่ตอนนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว โดยโลมาดังกล่าวมีงา 2ข้างคล้ายสิงโตทะเล และก่อนหน้านี้เคยพบโลมาดังกล่าวในเปรูเท่านั้น“เราตื่นเต้นมากกับเรื่องนี้ มันเป็นสัตว์ที่แปลกประหลาดมาก” เพียนสันกล่าว
และยังมีสัตว์แปลกๆ พบในทะเลทรายอะทาคามานี้อีก ซึ่งรวมถึงหมีสลอธน้ำ(aquatic sloth) ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว และนกทะเลที่มีปีกกว้าง 5 เมตรซึ่งใหญ่กว่าแร้งขนาดใหญ่ ทางด้าน เอริช ฟิตซ์เจรัลด์ (Erich Fitzgerald)
นักบรรพชีวินวิทยาสัตว์มีกระดูกสันหลังจากพิพิธภัณฑ์วิคตอเรีย (Museum Victoria)ในเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ให้ความเห็นแก่เอพีว่า การค้นพบล่าสุดนี้สำคัญอย่างยิ่งฟอสซิลเหล่านั้นถูกเก็บรักษาไว้อย่างยอดเยี่ยมและค่อนข้างสมบูรณ์ซึ่งเป็นการผสมผสานกันที่หาได้ยากในบรรพชีวินวิทยาและเป็นสิ่งที่จะเผยให้เห็นหลายมุมมองของนิเวศวิทยาและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
และบอกด้วยว่าเป็นไปได้ที่ฟอสซิลซึ่งหลงเหลืออยู่นี้อาจจะสะสมในช่วงเวลาที่ต่อเนื่องกันมานานส่วน
และปัจจุบันปริศนาการพบโครงกระดูกของสัตว์ทะเลในทะเลทรายแห่งนี้ก็ได้รับการค้นพบว่าแท้จริงแล้วเมื่อ 20,000 ปีก่อน ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจได้ที่ have-a-look.net พื้นที่แห่่งเป็นทะเล และเกิดการแพร่กระจายของสาหร่ายพิษจึงทำให้พวกวาฬ และ สัตว์ทะเล กินเข้าไปและตายลงเป็นจำนวนมาก
ขอบคุณแหล่งที่มา www.blockdit.com